
วันที่ 9 เมษายน 2563 ทีมข่าว dailyliveexpress ได้รับรายงานว่า หลังจากที่รัฐบาล เปิดให้ลงทะเบียน เราไม่ทิ้งกัน มาตรการสนับสนุนเดือนละ 5000 บาท เป็นเวลา 3 เดือนซึ่งต่อมาเพิ่มเป็น 6 เดือน ให้กับแรงงานลูกจ้าง ลูกจ้างชั่วคราว ตลอดจนแรงงานนอกระบบที่ได้รับผลกระทบเป็นมาตรการเร่งด่วนเมื่อ 18.00 น.ของวันที่ 28 มีนาคม นั้น

เกษตรกร รวมทั้ง คนที่มีรายชื่อในระบบ ประกันสังคมมาตรา 33 กลายเป็นคำถามที่ถูกถามกันมากที่สุดอีกคำถามหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องสิทธิในการลงทะเบียน หรือการรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล รวมทั้งยังมีข้อสงสัยถึงสถานะอื่นๆ ว่าตนเองนั้นเข้าเกณฑ์ที่จะได้รับเงินเยียวยาดังกล่าวหรือไม่
จากที่ กระทรวงการคลัง ได้มีการเผยแพร่เอกสารเผยแพร่มาตรการดูแลผู้ได้รับผลกระทบจาก CD 19 ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ระยะที่ 2 ซึ่งในรายละเอียดของเอกสารดังกล่าวก็ระบุชัดเจนถึงเกณฑ์ผู้ที่จะได้รับเงินช่วย ได้แก่

เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น

กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจากการหยุดประกอบกิจการของสถานประกอบการ ที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีคนแออัด เบียดเสียด ง่ายต่อการแพร่เชื้อ เช่น สนามมวย สนามกีฬา ผับ สถานบันเทิง โรงมหรสพ นวดแผนโบราณ สปา ฟิตเนส สถานบริการอื่นๆ เป็นต้น หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบอื่นๆ
โดยไม่รวม ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่มีคุณสมบัติครบตามเงื่อนไขการได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานจากสำนักงานประกันสังคมคุ้มครองอยู่แล้ว รวมถึง ข้าราชการ และข้าราชการบำนาญ อีกทั้งยังไม่รวม เกษตรกร ด้วย เนื่องจากกลุ่มเกษตรกรนั้นจะมีมาตรการช่วยเหลืออื่น ๆ จากรัฐบาลอยู่แล้ว

คำอธิบายเพิ่มเติมสำหรับ เกษตรกร ก็คือ อันที่จริง เกษตรกรก็จัดอยู่ในกลุ่มที่สามารถลงทะเบียนรับเงินเยียวยา 5000 ได้ แต่เมื่อเกษตรกรลงทะเบียนรับสิทธิในส่วนนี้แล้ว เกษตรกรรายนั้นจะไม่ได้รับสิทธิสำหรับมาตรการอื่นๆ ที่ภาครัฐจะออกมาเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรต่อไปในอนาคต นั่นเอง

ในกรณีของ ผู้ประกันตนของประกันสังคม มาตรา 33 ที่จะเข้าข่ายสามารถสามารถลงทะเบียนรับเงินเยียวยา เราไม่ทิ้งกัน ได้นั้น จะต้องอยู่ในข่ายที่ส่งเงินเข้าประกันสังคมไม่ครบ 6 เดือน และได้รับผลกระทบจากCD 19 หรือ ผู้ประกันตนของประกันสังคมในมาตรา 38 ที่ตกงาน หรือออกจากงานมามากกว่า 6 เดือนที่ได้รับผลกระทบ CD 19
นิยามของ ผู้ประกันตน มาตรา 33 คือ ลูกจ้างผู้ทำงานให้กับนายจ้างที่อยู่ในสถานประกอบการ หรือพนักงานเอกชน สำหรับ ผู้ประกันตน มาตรา 38 คือ พนักงาน หรือลูกจ้างที่ออกจากงานแล้ว และประกันสังคมยังคุ้มครอง อีก 6 เดือน
สำหรับ ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และ 40 สามารถลงทะเบียนผ่าน www.เราไม่ทิ้งกัน.com เพื่อขอรับเงินช่วยเหลือของรัฐบาลได้ ซึ่ง ผู้ประกันตน มาตรา 39 คือ ผู้ประกันตนแบบสมัครใจที่ยังอยากส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมหลังผันตัวออกมาประกอบธุรกิจส่วนตัว หรือมีเหตุให้ต้องหลุดออกจากงานเดิม ส่วน ผู้ประกันตน มาตรา 40 คือ เป็นผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ หรือแรงงานนอกระบบ เป็นบุคคลที่ไม่ได้เป็นลูกจ้างในบริษัทเอกชนตามประกันสังคมมาตรา 33 และไม่เคยสมัครเป็นผู้ประกันตนในมาตรา 39
ถ้าเป็นอย่างนั้น ผู้ประกันตนใน ประกันสังคมมาตรา 33 สามารถรับสิทธิประโยชน์อะไรได้บ้าง
สำนักงานประกันสังคม ได้ออก มาตรการเพื่อเยียวยาแรงงานในระบบ โดยมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มีนาคม ถึง 31 สิงหาคม 2563 ดังนี้
กรณีผู้ประกันตนมีอาการ มีไข้ ไอ เจ็บคอ
เข้าไปตรวจรักษาในโรงพยาบาลตามสิทธิ หากแพทย์ประเมินอาการแล้วสงสัยว่าเข้าข่ายป่วย CD 19 แพทย์จะส่งตรวจเพาะเชื้อทางห้องแล็บ โดยผู้ประกันตนไม่ต้องจ่ายค่าตรวจหรือค่ายาใดๆ หากผู้ประกันตนรายนั้นป่วยเป็น CD 19 จะได้รับการรักษาฟรี หากไม่สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลตามสิทธิได้ สามารถเข้ารักษาโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้หรือของรัฐตามระบบประกันสังคม และเบิกจ่ายกรณีฉุกเฉิน ภายใน 72 ชั่วโมง
ผู้ประกันตนที่ไม่ได้ทำงาน
เนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยที่มีความเสี่ยงจากการติด CD 19 ซึ่งต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ที่มีนายจ้างรับรอง หรือนายจ้างไม่ให้ทำงาน ให้ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ร้อยละ 50 ของค่าจ้าง ตลอดระยะเวลาที่ผู้ประกันตนไม่ได้ทำงาน แต่ไม่เกิน 180 วัน
กรณีหน่วยงานภาครัฐมีคำสั่งให้นายจ้างหยุดประกอบกิจการชั่วคราว
ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนไม่ได้รับค่าจ้าง ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ร้อยละ 50 ของค่าจ้าง แต่ไม่เกิน 60 วัน
กรณีลาออก
ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ ร้อยละ 45 เป็นระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน (จากเดิมร้อยละ 30)

กรณีเลิกจ้าง
ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ ร้อยละ 70 ของค่าจ้าง ระยะเวลาไม่เกิน 200 วัน (เดิมร้อยละ 50 ของค่าจ้าง ระยะเวลาไม่เกิน 180 วัน) ทั้งนี้ มีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 2 ปี หลังจากนั้นคณะกรรมการประกันสังคมจะพิจารณาอีกครั้ง
ลดอัตราเงินสมทบ
และขยายกำหนดเวลายื่นแบบอัตราเงินสมทบนายจ้าง และผู้ประกันตน ในส่วนของนายจ้าง ร้อยละ 4 ของค่าจ้างผู้ประกันตน (เดิมร้อยละ 5 ) และ “ผู้ประกันตน” เหลือร้อยละ 1 (เดิมร้อยละ 5 ) เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่งวดค่าจ้างเดือนมีนาคม ถึง พฤษภาคม 2563 โดยค่าจ้างงวดเดือนมีนาคม 2563 ให้นำส่งเงินสมทบภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2563 ค่าจ้างงวดเดือนเมษายน 2563 ให้นำส่งเงินสมทบภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2563 และ งวดเดือนพฤษภาคม 2563 ให้นำส่งเงินสมทบภายในวันที่ 15 กันยายน 2563
กรณีเลิกจ้างและไม่ได้รับเงินตามกฎหมาย
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้เสนอของบกลางเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเพื่อเยียวยาลูกจ้าง ให้ลูกจ้างมีสิทธิ์ได้รับค่าชดเชยจากนายจ้างตามอายุการทำงาน หากนายจ้างไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ลูกจ้างมีสิทธิยื่นคำขอรับเงินสงเคราะห์จากเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างผ่านกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง จำนวน 4,720 ล้านบาท ทั้งนี้ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จะต้องติดตามเงินดังกล่าวจากนายจ้างเพื่อส่งคืนเงินแก่กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างต่อไป
Post a Comment